"คุณแม่ครับผมคิดว่าถ้าจะให้น้องดีขึ้นคงต้องเปลี่ยนครูฝึกแล้วครับ"
นี่เป็นคำพูดประโยคหนึ่งที่ครูฝึกคนหนึ่งพูดกับคุณแม่ที่มีลูกเป็นเด็กพิเศษ(ได้รับการวินิจฉัยว่ามีอาการสมาธิสั้น) คุณแม่ที่เป็นผู้ให้ ผู้ปกป้อง
ผู้คอยห่วงใย
ทำทุกอย่างให้ลูกมีความสุข เป็นคุณแม่ที่ให้ได้เกินกว่าแม่คนอื่นๆ
จะให้
เชื่อเถอะว่ามีแม่ที่ให้ได้แบบนี้อยู่ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ในประเทศไทย ไม่ซิ! 5 เปอรเซ็นต์เท่านั้น
คำว่า "แม่"
นี้อาจมีความหมายลึกซึ้งในอีกแง่มุมหนึ่งถ้าพิจารณาจากตัวอักษรที่เขียนขึ้นมาจากสระเอสองตัวรวมกันเป็นสระแอ
มอม้าและไม้เอก
โดยสระแอนั้นอาจหมายถึงกำแพงสองชั้นที่กั้นอยู่ ชั้นที่หนึ่งนั้นหมายถึงกำแพงแห่งความเป็นห่วง
ชั้นที่สองนั้นหมายถึงกำแพงแห่งความกลัวว่าลูกจะไม่ให้ความสำคัญ
มอม้าหมายถึงตัวเด็กที่เกิดและเติบโตขึ้นมาเพื่อวิ่งทะยานไปข้างหน้า และไม้เอกนั้นคือไม้ที่เอาไว้คอยผลักดันหรืออีกนัยหนึ่งคือสายตาของแม่
ที่มองลงมาด้วยความห่วงใยมองความเป็นไปของม้าตัวนี้
หลายครั้งที่เราไม่เข้าใจคนโบราณว่าทำไมคำนี้จึงเขียนเช่นนี้
ความคิดของเขาอาจลึกซึ้งเกินเราเข้าใจหรือบางครั้งอาจตรงไปตรงมาเกินกว่าเราจะมองเห็น
กำแพงทั้งสองสูงต่ำไม่เท่ากันในแม่แต่ละคน
มันช่วยฝึกฝนให้ม้าตัวนี้มีความสามารถที่มากขึ้นหากผู้เป็นแม่รู้วิธีการเพิ่มลดขนาดของกำแพงทั้งในเรื่องความสูงและความหนาให้เหมาะสมกับม้าตัวน้อยที่ค่อยๆ
เติบโตขึ้น ม้าที่ถูกฝึกเท่านั้นที่จะสามารถกระโดดข้ามกำแพงนี้ไปได้
"ครูฝึกที่ดีที่สุดก็คือตัวคุณแม่เองครับ" ประโยคทิ้งท้ายที่ทำให้ต้องฉุกคิดว่าตลอดเวลากว่าสิบปีที่พยายามหาครูที่ดีที่สุดมาให้ลูกนั้น ทำไม! ผลการสอนจึงไม่เป็นไปอย่างที่หวังไว้
นั่นเป็นเพราะว่าคุณแม่ไม่เคยปรับขนาดกำแพงทั้งสองให้เหมาะสม อีกทั้งยังไม่ใช้ไม้เอกที่มีอยู่มาฝึกให้ม้าตัวนี้มีความคิดความสามารถอย่างที่เขาควรจะเป็น...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น