วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การเรียนรู้


          โดยทั่วไปแล้วการเรียนรู้ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งควรให้เวลาและมีลำดับก่อน-หลัง เรียนรู้จากเรื่องง่ายที่สามารถเข้าใจได้ (รูปธรรม) ไปจนถึงเรื่องที่เข้าใจได้ยาก( นามธรรม)
            การที่เราเร่งรีบเรียนรู้เพื่อให้เรามีความรู้โดยเร็วมักมีเรื่องที่เรายังไม่รู้หรือมองข้ามไป ในหลายๆ ครั้งยังก่อให้เกิดผลในแง่ลบไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่งอีกด้วย.....

วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ห่วงกับหายห่วง

             พื้นฐานอย่างหนึ่งของการใช้สามห่วงพัฒนาการ คือ จะต้องรู้จักห่วงใยผู้อื่น และ รู้จักว่าลักษณะอย่างไรจึงหมดห่วงได้ บางครั้งเรากังวลเกี่ยวกับคนที่เรารักในเรื่องต่างๆ ก็เพราะความเป็นห่วงเป็นใยกลัวว่าจะมีภัยจึงคิดไปต่างๆ นานา คิดว่าอาจจะเป็นอย่างนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้จะเป็นอย่างไร จะมีทางแก้ไขได้ทันท่วงทีหรือไม่ จนกระทั่งเราได้ทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อเป็นการป้องกันภัยไว้อย่างรอบคอบแล้วเราจึงสบายใจได้ในระดับหนึ่ง และเมื่อสถานการณ์นั้นเกิดขึ้นซ้ำๆ โดยที่การป้องกันภัยที่วางไว้ได้ผลดี เมื่อเกิดสถานการณ์นั้นอีกเราก็จะสบายใจหายห่วง
 
          ในแง่ของสามห่วงพัฒนาการ ห่วงแต่ละห่วงจะถูกสร้างขึ้นมาจากเป้าหมายที่กำหนดไว้ ว่าเราต้องการฝึกเรื่องอะไร เส้นทางที่ไปให้ถึงเป้าหมายถูกกำหนดขึ้นมาเป็นห่วงแต่ละห่วง เมื่อเรานำมาเปรียบเทียบกันกับข้อความข้างต้น เป้าหมายที่เราจะฝึกคือสถานการณ์ที่เรามีความกังวลใจ การป้องกันภัยคือสามห่วงพัฒนาการ
 
          ดังนั้นเมื่อเรามีความห่วงใย เราสามารถกำหนดเป้าหมายจากความห่วงใยนั้น การทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อเป็นการป้องกันภัยถูกกำหนดขึ้นให้มีลักษณะที่ครอบคลุมโดยสามห่วงพัฒนาการ การฝึกฝน ทำซ้ำจนมั่นใจว่าเมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์ที่เรามีความกังวลใจแล้วจะไม่มีภัยมาถึงตัว สามารถผ่านสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้เราจึง... สบายใจหายห่วง
 
 
 
 

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สี่จตุรเทพแห่งการช่วยเหลือตนเอง


กินข้าว  อาบน้ำ  แปรงฟัน แต่งตัว



สี่จตุรเทพแห่งการช่วยเหลือตนเองในที่นี้หมายถึง การกินข้าว  อาบน้ำ  แปรงฟัน  และการแต่งตัว  เป็นเทพที่คอยปกป้องดูแลจากการสัมผัสของผู้อื่นทั้งยังช่วยส่งเสริมให้เด็กมีความมั่นใจในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ

        ในเด็กแรกเกิดยังไม่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้  ความสามารถแรกที่ติดตัวมาคือการดูดกลืนอาหาร  ดูดน้ำนมจากอกแม่นานนับเดือนกว่าฟันจะขึ้นมาให้ทดลองใช้กัดสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในช่องปาก  วันเวลาผ่านไป  ร่างกายทารกเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กตัวเล็กๆ มีความสามารถมากขึ้น แต่ยังไม่มากพอที่จะควบคุมสี่จตุรเทพให้คอยปกป้องดูแลตนเอง จึงต้องฝึกฝนอย่างค่อยเป็นค่อยไป  รู้จักร่างกายของตนเอง  รู้จักส่วนต่างๆ และการใช้งาน  รู้จักแขน ขา นิ้วมือ  การบังคับควบคุมให้เป็นไปได้อย่างใจคิด เมื่อเด็กควบคุมส่วนต่างๆ ได้แล้วจึงพร้อมที่จะควบคุมสี่จตุรเทพ   ซึ่งในครอบครัวที่ส่งเสริมให้โอกาสเด็กได้ควบคุมสี่จตุรเทพ  เด็กจะพัฒนาความสามารถและทักษะต่างๆ ขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว และชำนาญมากขึ้นเมื่อได้ทำทุกๆ วัน  แต่ในครอบครัวที่ไม่ส่งสี่จตุรเทพมาให้เด็กได้ทดลองควบคุม ให้ผู้ใหญ่เป็นผู้ควบคุม  เมื่อถึงเวลาที่เขาต้องไปนอกบ้าน มักสร้างปัญหาบางอย่างขึ้นจนนานวันไป ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันๆ จะค่อยๆ สะสมก่อตัวภายในจิตใจเด็กน้อยจนมีผลกับการรับรู้ตัวตนของตัวเองว่าเวลาจะทำอะไรต้องคอยเรียกให้ผู้อื่นช่วย  รับรู้ว่าตนเองไม่มีความสามารถอะไรจนขาดความมั่นใจในกิจกรรมต่างๆ ไปด้วย
             ดังนั้น เมื่อเด็กเริ่มความคุมร่างกายตนเองได้พอสมควรแล้วเราควรให้โอกาสทดลองควบคุมสี่จตุรเทพด้วยตนเอง

 

สามห่วงกับความห่วงใยสามอย่าง


ความห่วงใยที่พ่อแม่ผู้ปกครองมีให้ลูกนั้นถ้านับเป็นเรื่องๆ คงมีอยู่หลายเรื่องเลยทีเดียว ทั้งในเรื่องสุขภาพร่างกาย  อาหารการกิน  ความสุขของลูกรัก  อารมณ์การเรียนรู้ ฯลฯ  มากมายนับไม่ถ้วน  และยิ่งพูดถึงเรื่องอนาคตของลูกน้อยคงสาธยายกันไม่หมดว่ามีเรื่องอะไรบ้าง  แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของพัฒนาการนั้นเราอาจระบุได้สามเรื่องใหญ่ๆ ว่าเราควรห่วงใยเรื่องอะไรบ้างในตัวลูกรักเพื่อจะทำให้เขามีพัฒนาการในด้านต่างๆ เหมาะสมตามวัย ซึ่งในความห่วงใยแรกนั้นได้แก่เรื่องของการช่วยเหลือตนเอง การรับประทานอาหาร  อาบน้ำ  แปรงฟัน  แต่งตัว  ความห่วงใยที่สองก็คือเรื่องของการเล่นเพื่อพัฒนาการด้านร่างกาย ด้านอารมณ์  ด้านสังคม  ด้านสติปัญญา  และความห่วงใยที่สามคือเรื่องของระเบียบวินัยและความรับผิดชอบ

            ในสามความห่วงใยนี้ล้วนเกี่ยวโยงกัน  เพราะเมื่อเด็กสามารถช่วยเหลือตนเองได้พอสมควรแล้วนั่นหมายความว่าเขามีพัฒนาการทางด้านร่างกายในทางที่ดี  เนื่องจากการรับประทานอาหาร อาบน้ำ  แปรงฟัน แต่งตัว  เขาจะต้องควบคุมกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ  ทั้งมัดเล็กและมัดใหญ่เพื่อทำกิจกรรมให้สำเร็จ  พอช่วยเหลือตนเองได้แล้วเด็กจะพร้อมเรียนรู้สู่โลกภายนอก การออกสู่สังคมนอกบ้านนั้นเด็กจะสนุกที่ได้เล่น ได้เรียนรู้โลกที่กว้างขึ้น  รู้จักสิ่งต่างๆ  รู้จักผู้คน  ทุกอย่างที่เห็นและได้ยินล้วนน่าตื่นตาตื่นใจ 
             ดังนั้นทุกครั้งที่เด็กได้เล่น พัฒนาการทางด้านอารมณ์จะถูกพัฒนาขึ้น  ยิ่งเขาได้รู้จักอารมณ์ที่หลายหลายและรู้จักวิธีการจัดการกับอารมณ์เหล่านั้นมากเท่าไร  เมื่อเขาออกสู่โลกภายนอกเขาจะมีวิธีการเข้าสังคมที่หลากหลายขึ้นเท่านั้น  และการที่เด็กมีวิธีการจัดการกับเรื่องต่างๆ ที่หลากหลายนั้นก็เป็นเครื่องหมายหนึ่งของการแสดงออกในพัฒนาการทางด้านสติปัญญาว่าเด็กคนนั้นมีความรู้ความคิดมากน้อยเพียงใด  ทุกอย่างที่กล่าวมานี้ถ้าเด็กแสดงออกมาโดยรู้จักระเบียบวินัยต่างๆ และมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนเองกระทำ  พ่อแม่ผู้ปกครองก็คงหมดห่วงได้...