วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สถานการณ์สร้างทัศนคติ


        ห้างร้าน  ตลาด  ซุปเปอร์มาเก็ตต่างๆ เป็นสถานที่ส่งเสริมการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี  หากว่าพ่อแม่ผู้ปกครองรู้จักสร้างสถานการณ์การเรียนรู้ขึ้นมา   เพราะสถานที่ดังกล่าวมีตัวอักษรที่อยู่ในผลิตภัณฑ์  ป้ายร้านค้า  ป้ายบอกทาง  ป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ใช้เป็นสื่อในการฝึกภาษาได้เป็นอย่างดี  รวมไปถึงลักษณะรูปทรงของสินค้า  จำนวนบรรจุ  ป้ายราคา  ก็นับว่าเป็นสื่อในการเรียนคณิตศาสตร์ชั้นเยี่ยม   
           การที่พ่อแม่พาเด็กๆ ไปเดินเลือกซื้อสินค้าแล้วชี้ชวนให้เขาดูจุดสังเกตในปริมาณที่เหมาะสม   ไม่ทำให้อยู่ในบรรยากาศของการเล่าเรียนมากจนเกินไปนั้น  จะช่วยส่งผลให้เด็กมีทัศนคติที่ดีเวลาเขาเรียนในโรงเรียนแล้วเจอบทเรียนที่เกี่ยวเนื่องกันกับการใช้ชีวิตประจำวัน

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อิสระถูกกำหนดจากความสามารถ


          เมื่อผู้ใหญ่มองว่าเด็กสามารถช่วยเหลือตนเองได้ดีในเรื่องต่างๆ  แล้ว  พอนานไปๆ ความไว้ใจของพ่อแม่ย่อมมีมากขึ้น ก็จะปล่อยให้เขาทำสิ่งต่างๆ  ได้อย่างอิสระ

          การที่เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองได้ตามช่วงวัยของเขา  เช่น  หนึ่งขวบร้องเรียกแม่มาป้อนข้าวได้  เด็กสองขวบหาข้าวในครัวกินเองได้ สามขวบกินเสร็จรู้จักจัดเก็บเป็นที่เป็นทาง  สี่ขวบล้างจานล้างช้อนได้เรียบร้อย  ห้าขวบสวมรอยคอยคนอื่นล้างให้ (ล้อเล่นนะ)  ต้องล้างให้คนอื่นถึงจะถูก  ซึ่งถ้าเขาทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ดีก็เชื่อว่าพ่อแม่ผู้ปกครองคงจะเบาแรงในการเลี้ยงดูบุตรหลานไปได้มาก

          เมื่อเบาแรง  ก็เบาใจ  จากเบาใจ  จึงเปลี่ยนมาเป็นไว้ใจ ไว้ใจให้เขาดูแลเรื่องความหิวของตัวเอง  ไว้ใจให้เขาดูแลเรื่องความสะอาดของตัวเอง  ไว้ใจให้เขาดูแลเรื่องการบ้านเมื่อขึ้นชั้นเรียน   แต่ อย่าไว้ใจ เรื่องความปลอดภัย  ให้คอยตามดูอยู่ห่างๆ อย่าให้เขารู้ตัว

          เมื่อผู้ใหญ่ให้ความไว้วางใจกับเด็กแล้วเขาย่อมจะรู้สึกได้จากการที่เวลาทำอะไรไม่ต้องมีคนมาคอยตามจี้ตามดู(ดูอย่างสนใจใส่ใจ  กับ การดูไปจับผิดไปมันให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน)  เขาก็จะไม่กังวลว่าจะทำอะไรผิดหรือเปล่า  เมื่อไม่มีความกังวลแล้วอิสระย่อมเกิด

          "อิสระเกิด  ความคิดก็ไม่อยู่ในกรอบ" (ระวังด้านลบด้วยนะ)

วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ลำดับการเกิดที่ส่งผลต่อลักษณะเด่นในเด็กแต่ละคน


          ลำดับการเกิดของเด็กแต่ละคนส่งผลให้ได้รับการตอบสนองจากสิ่งแวดล้อมไม่เหมือนกัน  สิ่งแวดล้อมที่คอยสั่งสอนจะส่งผลให้ลักษณะบางอย่างเกิดขึ้นในตัวของพวกเขา

             พี่คนโต เมื่อเกิดมาครั้งแรกจะยังเป็นลูกคนเดียวอยู่   ได้รับความรักความเอาใจใส่เต็มที่ต่อเมื่อมีลูกคนที่สองและสามตามมา  เขาจึงได้ชื่อว่าพี่และพี่คนโตตามลำดับ  ด้วยขนาดร่างกาย  ความสามารถในการคิด  และพละกำลังที่มีมากกว่าน้องๆ เมื่อมีสิ่งแปลกใหม่หรือกิจกรรมใหม่ๆ ที่ต้องทำจึงมักได้ทดลองก่อนเป็นคนแรก  ยิ่งเป็นกิจกรรมที่ดูเสี่ยงด้วยแล้วโอกาสที่น้องๆ จะอยากทำก่อนพี่ยิ่งมีน้อย  จากกิจกรรมแรกมากิจกรรมที่สองและต่อๆ มา  เมื่อนานวันเข้าจึงหล่อหลอมบุคลิกภาพความเป็นผู้นำในพี่คนโต  เมื่อออกสู่สังคมที่กว้างขึ้นเช่นที่โรงเรียน  ถ้ามีการสนับสนุนต่อเนื่องกันไปจะทำให้บุคลิกทางด้านความเป็นผู้นำของเขายิ่งโดดเด่นขึ้นไปอีก

         พี่คนรอง  หลังจากที่ได้รับความสนใจจากคนรอบข้างได้ไม่นานนักก็จะถูกเรียกว่าพี่  พอมีคนมาเรียกเขาว่าพี่จะทำให้เกิดความสับสนขึ้นเล็กน้อยว่าเขาก็ได้ชื่อว่าพี่  พี่เขาก็ได้ชื่อว่าพี่มาก่อน  งั้นคนเรียกเขาคงเรียกพี่เขามั้ง  แล้วอาการนิ่งเพื่อรอดูความชัดเจนว่าเรียกใครกันแน่ก็จะเกิดขึ้น  หลายๆ ครั้งที่คนรอบข้างให้ความสนใจกับน้องคนเล็กมากกว่า  ส่วนพี่คนโตนั้นก็มีภาคแสดงมากอยู่แล้วจึงมักไม่เหลือที่ว่างสำหรับลูกคนกลางที่ได้แต่เฝ้าดูและรอเวลาว่าเมื่อไหร่จะถึงคิวของเขา  ลูกคนกลางจึงมักแสดงความสามารถต่างๆ ที่เขาสุ่มฝึกซ้อมออกมาในที่ที่เขาเห็นสมควร

       น้องคนเล็ก  ผู้มีแบบอย่าง  มีพี่สองคนคอยนำทาง  พี่ๆ ทำอะไรก็อยากทำตาม  พอนานวันเข้าความสามารถในการเรียนแบบจึงถูกพัฒนาขึ้น  เราจึงมักรู้สึกว่าลูกคนเล็กมีการเรียนรู้บางอย่างที่รวดเร็วโดยเฉพาะถ้ามีต้นแบบให้ดู  ซึ่งถ้าเขารู้จุดเด่นของตนเองก็จะสามารถนำไปต่อยอดในเรื่องอื่นๆ ได้




วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

การช่วยเหลือตนเอง


          ทุกคนเกิดมาก็เริ่มจากการช่วยเหลือตนเองไม่ได้มาก่อนทั้งนั้น  แล้วค่อยๆช่วยเหลือตนเองได้มากขึ้น  จนกระทั้งอยู่ได้ด้วยลำแข้งของตนเอง  บางคนหยุดอยู่แค่นั้น  แต่หลายคนพัฒนาขึ้นไปอีกคือสามารถที่จะช่วยเหลือผู้อื่นได้ด้วย  พัฒนาไปจนถึงจุดสูงสุดของแต่ละคน  จากนั้นจึงกลับสู่จุดเริ่มต้น  นั่นคือค่อยๆ ช่วยเหลือตนเองได้น้อยลงจนสิ้นลม

มาดูกันว่าแต่ละช่วงควรช่วยเหลือตนเองอะไรได้บ้าง (0 – ประถม)

          0-2 กินได้ก็ไร้เหลื่ยว  เกี่ยวกับเรื่องกินไม่เกี่ยวเรื่องปรุง  คือถ้ามีอาหารมาว่างไว้ข้างหน้าแล้วเด็กสามารถบรรจงลงใส่ท้องได้ก็เป็นอันว่าใช้ได้  บางคนทำหกบ้างในช่วงแรกก็ถือว่าเป็นการเรียนรู้ไปอย่าไปดุด่าว่าเด็กเพราะจะทำให้เขากลัวจนกระจายตัวไม่กล้าเรียนรู้ในเรื่องอื่นๆด้วย  รอให้เขาเรียนรู้จนช่ำชองแล้วยังทำหกเลอะเทอะ  อย่างนั้นก็ต้องมีโดนกันบ้าง

          2-4 มีสิ่งสกปรกก็กำจัดซะ  เอาแค่ร่างกายตัวเองให้รอดก็ถือว่าใช้ได้  กินถ่ายขี้เยี่ยวเปรี้ยวเหม็นให้เด็กรู้จักทำความสะอาดตัวเองได้ไม่ต้องรอผู้ใหญ่ทำให้  ซึ่งก็ต้องอาศัยความอดทนในการสอนของพ่อแม่ผู้ปกครองด้วยจึงจะสำเร็จ 

          4-ก่อนประถม  ออกปากชมได้ว่าเก่งจังแต่งตัวเองได้ด้วย  หลายๆ คนไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องการฝึกแต่งตัวของเด็กเนื่องจากไม่มีเวลามาสอน  เพราะตื่นเช้ามาก็ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวของตัวเองให้เสร็จเพื่อที่จะไปทำงาน  กลับบ้านมาพาเด็กอาบน้ำก็หมดเรี่ยวหมดแรงขี้เกียจมานั่งรอให้เด็กแต่งตัวเองอยากทำให้มันเสร็จๆ ซะจะได้ไปพักผ่อน  เจียดเวลาซักนิดเถอะ ชีวิตจะได้สบาย  เพราะในเด็กปกติใช้เวลาฝึกแค่ไม่ถึงอาทิตย์เขาก็สามารถเรียนรู้ได้แล้ว 

          สิ้นประถม  สมควรซักผ้าเองได้บ้างถุงเท้าก็ยังดี  แม่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยยอมให้เด็กซักผ้าเพราะว่าพ่อมันก็ไม่ยอมซักเอง  โยนไว้เดี๋ยวก็มีคนมาซักให้  อยากจะขอนะถือว่าเป็นการฝึกให้เด็กรู้จักช่วยเหลือตนเอง

วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ทีวีมีไว้ดู หูมีไว้ฟัง


          คนส่วนใหญ่ชอบแสวงหาความเพลิดเพลิน  บ้างก็แสวงหาของสวยๆ งามๆ  บางคนชอบฟังเพลง  บางคนชอบกินไม่หยุด  บางคนชอบนอนสบายๆ บนเตียงนุ่มๆ แอร์เย็นๆ และบางคนชอบใส่น้ำหอมกลิ่นต่างๆ ที่ตนเองชื่นชอบ

          ในเด็กก็เหมือนกันเขามักจะแสวงหาความเพลิดเพลิน  และทีวีก็เป็นความเพลิดเพลินอย่างหนึ่งที่เด็กๆ ชอบ  เพราะมันมีทั้งการ์ตูน  ศูนย์การเรียนรู้  ดูได้หลายช่อง  คล่องในการเปลี่ยน  เรียนได้ไม่เบื่อ  เผื่อแผ่เพื่อนฝูงได้  คลายเครียดจากการบ้าน  จนงานการไม่ทำ  (คุณแม่เครียด)

          ถ้ามีกรณีอย่างนี้เกิดขึ้นคุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลไป  ทุกอย่างมีทางแก้เสมอ...  โดยการ “ย้อนพัฒนาการ”

          เด็กติดทีวีเกิดจาก  ไม่มีวินัยและความรับผิดชอบ  พ่อแม่ต้องเริ่มฝึกให้เขาใหม่ตั้งแต่ช่วงวัยขวบครึ่ง  เช่น เด็กอายุ  5 ขวบมีอาการติดทีวี ก็ให้ย้อนไปดูพัฒนาการในเรื่องวินัยและความรับผิดชอบว่าเขามีพัฒนาการทางด้านไหนบ้างที่ไม่ดีแล้วให้เด็กฝึกความรับผิดชอบในเรื่องนั้นๆ  แล้วมันเรื่องอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับวินัยและความรับผิดชอบ  คือ ถึงเวลากินก็กิน  ถึงเวลานอนก็นอน  ถึงเวลาอาบน้ำ  สระผม  แปรงฟัน  ล้างหน้า  ล้างก้น  ก็ทำด้วยตนเองไม่อิดออด   

สรุปก็คือช่วยเหลือตัวเองได้ตามเวลา  แล้วการช่วยเหลือตัวเองกับติดทีวีมันเกี่ยวกันยังไง  ตอบไม่ได้เหมือนกันต้องลอง(คิด)เอง