การเรียนการสอนในปัจจุบันมีวิธีการที่หลากหลาย
ถ้าเปรียบเทียบกับหนังจีนกำลังภายในแล้วก็เรียกว่ามีอยู่หลายสำนัก
แค่เรียนให้อ่านออกเขียนได้เท่านั้นมีคนคิดค้นวิธีการมากมาย ต้องแนวนั้นแนวนี้จนผู้ปกครองงงไปตามๆ กัน เพราะก่อนนำบุตรหลานเข้าไปเรียนเขาโฆษณาสรรพคุณของแนวทางไว้อย่างยอดเยี่ยม แต่พอเข้าไปเรียนจริงๆ ทำไมถึงมีหลายอย่างที่ไม่ถูกใจเราซักเท่าไหร่
มาดูที่เป้าหมายของเราก่อนว่าเราต้องการให้ลูกเข้าไปเรียนรู้อะไร ถ้าการที่เราส่งลูกเข้าไปเรียนเพื่อให้เขาอ่านออกเขียนได้เป็นประเด็นหลัก สิ่งแวดล้อมในโรงเรียนเป็นประเด็นรอง
ก็คงต้องดูโรงเรียนที่มีกิจกรรมเกี่ยวกับการอ่านการเขียนให้มากหน่อย มีแนวทางหรือลำดับขั้นเพื่อให้เด็กอ่านออกเขียนได้ที่เป็นรูปธรรมเพียงพอให้มองภาพออกว่าถ้าเรียนไปแล้วในท้ายที่สุดลูกของเราจะสามารถอ่านออกเขียนได้
จากนั้นจึงดูองค์ประกอบในเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เป็นอาคารเรียน ผู้คน
เพื่อนนักเรียน
และกิจกรรมอื่นๆ
ที่เป็นประสบการณ์ในระหว่างอยู่ที่โรงเรียน
ส่วนใครที่มองในเรื่องของสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก การอ่านออกเขียนได้เป็นประเด็นรอง คงต้องมองหาโรงเรียนที่ตอบสนองสิ่งที่ตัวคุณเองต้องการว่าต้องการให้ลูกเรียนแล้วได้อะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น บรรยากาศในห้องเรียน ความสามารถของครูในการสอนให้สนุก กิจกรรมหลากหลาย การเรียนการสอนที่เน้นภาษาต่างประเทศ การบูรณาการวิชาการ ความคิดสร้างสรรค์ ฯลฯ จากนั้นจึงดูว่าเมื่อทางโรงเรียนเตรียมกิจกรรมที่หลากหลายเหล่านี้ไว้ให้นักเรียนแล้ว
เวลาที่ให้กับกิจกรรมการอ่านการเขียนมีมากพอหรือไม่ หรือทางโรงเรียนมีแนวทางอย่างไรใช้เวลานานมั๊ยกว่าที่เด็กจะอ่านออกเขียนได้
เพราะคงไม่มีโรงเรียนไหนที่บอกว่าเด็กที่เรียนโรงเรียนนี้แล้วจะอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้
แต่เราจะให้ประสบการณ์ที่เหนือชั้นกว่าโรงเรียนอื่นๆ
เพราะการอ่านการเขียนยังไงก็เป็นเบื้องต้นของการแสวงหาความรู้ในโรงเรียน
อย่างไรก็แล้วแต่การโฆษณากับการเรียนการสอนจริงก็มีข้อแตกต่างกันอยู่ การโฆษณาอาจพูดข้อดีเอาไว้หลายอย่างเวลาไปเรียนจริงอาจพบว่ามีข้อดีอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้โฆษณา
หรือโฆษณาข้อดีเอาไว้หลายอย่างแต่เวลาไปเรียนจริงพบว่ามีข้อเสียหลายอย่างเหมือนกัน ดังนั้นการส่งลูกไปโรงเรียนก็เหมือนกับการลงทุนอย่างหนึ่ง ผู้ออกทุนให้ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนการลงทุน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น